ลักษณะนวัตกรรม เป็นผลงาน วิธีการ กระบวนการใหม่ หรือ องค์ความรู้ใหม่
ประเภทของนวัตกรรม นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์(Production Innovation)
ชื่อเจ้าของนวัตกรรม นางเปมิกา ดอนสระน้อย และ เจ้าหน้าที่หน่วยเปลี่ยนไตและไตเทียม
ชื่อหน่วยงาน / สังกัด หน่วยเปลี่ยนไตและไตเทียม งานการพยาบาลผู้ป่วยอายุรศาสตร์
ที่มาของการทำนวัตกรรม
จากสถิติการกดเลือดหยุดยากหลังจากถอดเข็ม AVF ,AVG เมื่อเสร็จสิ้นการทำ Hemodialysis ของหน่วยเปลี่ยนไตและไตเทียมพบว่า ยังมีอัตราการหยุดยากของหลอดเลือดสูงอยู่ร้อยละ 30 และ 45 ตามลำดับ ซึ่งสาเหตุของการกดเลือดหยุดยากพบว่า เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือด (access stenosis) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้การกดเลือดหยุดยากได้แก่ เจ้าหน้าที่ขาดความชำนาญโดยเฉพาะพยาบาลที่เข้ามาปฏิบัติงานใหม่ในหน่วยงาน และจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการใช้กดเลือดซึ่งใช้แผ่นผ้าก็อสปราศจากเชื้อโดยผู้ใช้ ต้องพับแผ่นผ้าก๊อสเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนใช้กดเลือดทุกครั้ง โดยส่วนใหญ่จะพับแผ่นผ้าก๊อสด้วยมือเพียงข้างเดียวทำให้ขนาดและความแน่นของก้อนผ้าก๊อสที่พับด้วยมือข้างเดียวหลวมไม่เหมาะสมในการกดทำให้มีเลือดไหลออกมากขึ้น และทำให้เป็นสาเหตุสำคัญของเลือดกดหยุดยาก
หลักการและแนวคิด
ผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมีความจำเป็นต้องมีทางนำเลือด (vascular access) ออกจากร่างกายเพื่อนำเลือดไปฟอกผ่านตัวกรองไตเทียม ทางนำเลือดแบ่งเป็นสองชนิดคือถาวร และชั่วคราว ทางนำเลือดถาวรมีอยู่ สองชนิดคือชนิดที่ใช้เส้นเลือดของผู้ป่วยเอง Arteriole venous fistula :AVF และ ชนิดที่ใช้หลอดเลือดเทียม (arteriole venous graft :AVG)
ขณะเริ่มฟอกเลือดจะมีการแทงเข็ม (AVF needle) เข้าไปใน vascular access และหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฟอกเลือดจะต้องถอดเข็มออกซึ่งจะมีเลือดพุ่งออกมาด้วยแรงดันที่ค่อนข้างมากตามอัตราการไหลของเลือด (access flow: AVF มี access 600 ml/min ,AVG มี access flow 800 ml/min) เพราะฉะนั้นต้องมีการกดหยุดเลือดด้วยผ้าก๊อสสะอาดปราศจากเชื้อเพื่อให้เลือดหยุดไหล ตามแนวทางปฏิบัติของชมรมพยาบาลโรคไตแห่งประเทศไทย AVF ต้องกดนาน 10 นาที และ AVG ต้องกดนาน 15 นาที กดด้วยแรงปานกลางให้มีความรู้สึกว่ามีเลือดไหลผ่านและกดโดยที่ไม่มีเลือดไหลออกมาจากรอยเข็ม ปัญหาจากการกดที่ใช้แรงมากเกินไปอาจทำให้เกิดการสูญเสียของ vascular ได้ การกดที่ใช้แรงน้อยเกินไปทำให้เลือดไม่หยุดไหลซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยสูญเสียเลือดซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ผู้ป่วยซีดลงได้อีก
หน่วยเปลี่ยนไตและไตเทียมจึงได้คิดนวัตกรรมก้อนกดหยุดเลือดสำหรับกดรอยเข็ม AVF needle หลังจากถอดเข็ม โดยจะพับผ้าก๊อสห่อสำลีไว้ข้างในและม้วนเป็นก้อนกลม ๆ ปิดด้วยพลาสเตอร์ขนาดเล็กเพื่อยึดให้เป็นก้อนกดหยุดเลือดสำเร็จรูป และใส่ไว้ในชุดอุปกรณ์สำหรับการใช้กดหยุดเลือดจำนวน 3 ก้อน (สำรองไว้ 1 ก้อนกรณีต้องเปลี่ยนจะได้ไม่ต้องพับก็อสด้วยมือเพียงข้างเดียว) ก่อนที่จะส่งนึ่งตามปกติ
วัตถุประสงค์
วันที่เริ่มต้นทำนวัตกรรม 1 พฤษภาคม 2557
ระยะเวลาการดำเนินการ 1 สัปดาห์
ขั้นตอนการดำเนินงาน
a.วางผ้าก๊อสไว้กับพื้นโต๊ะ วางสำลีบนผ้าก๊อสตรงมุมใกล้ตัวจากนั้นพันผ้าก๊อสไปจนถึงครึ่งแผ่นแล้วพับมุมด้านซ้ายหรือขวาขึ้นทับบนก้อนสำลี เก็บชายผ้าก๊อสให้อยู่บนก้อนสำลีให้หมด แล้วพันก็อสที่เหลือจนหมด เก็บชายให้เรียบร้อย และแปะด้วยพลาสเตอร์กันหลุด
b.การพันแน่นเกินไปจะทำให้ก้อนแข็งยากต่อการใช้งานเพราะจะทำให้กดไม่ลงตรงตำแหน่งรอยเข็มที่ต้องการจะหยุดเลือด
c.การพันหลวมเกินไปก็ทำให้ไม่มีแรงดัน pressureในการกด และมีเลือดซึมออกมาที่ก้อนกด
d.การพันควรให้พอดีไม่แน่นหรือหลวมเกินไปพยายามตกแต่งด้านหนึ่งของก้อนก๊อสให้มีเป็นลักษณะป้าน ๆ เพื่อง่ายแก่การวางบนผิวหนังผู้ป่วย
e.การติดพลาสเตอร์ไม่ควรใหญ่เกินไปเพราะจะทำให้เสียพื้นที่ของก้อนกดควรติดให้เล็กที่สุดที่จะทำให้ก้อนกดคงรูปอยู่ได้
f.ควรใส่ก้อนกดอย่างน้อย 3 ก้อนในชุดอุปกรณ์กดเลือดกรณีมีการกดหยุดยากมาก ๆ และมีการเปลี่ยนก้อนกด
วิธีการดำเนินงาน / วิธีการใช้งานสำหรับนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์
วิธีใช้งานก้อนกดหยุดเลือด หลังจากเปิดชุดอุปกรณ์กดหยุดเลือดที่ปราศจากเชื้อเตรียมไว้ ใส่ถุงมือปราศจากเชื้อที่อยู่ในชุดอุปกรณ์ เตรียมก้อนกดไว้ในมือหนึ่งข้าง อีกมือหนึ่งถอดเข็มรอจังหวะให้เข็มพ้นผิวหนังผู้ป่วยออกมาให้ใช้ก้อนกด กดไปตรงรอยเข็มโดยหันด้านป้านลงสัมผัสผิวหนังผู้ป่วยเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสจะได้ไม่เลื่อนจากตำแหน่งที่ต้องการกด จากนั้นกดด้วยแรงปานกลางให้มีความรู้สึกว่ามีเลือดไหลผ่านและไม่มีเลือดไหลซึมออกมาที่ก้อนกด แต่ถ้ายังมีเลือดซึมออกมาที่ก้อนกดปริมาณมากสามารถใช้ก้อนกดเลือดที่เหลืออีกอันใช้เปลี่ยนกดได้
ตัวชี้วัดผลสำเร็จของนวัตกรรมและผลลัพธ์
การขยายผลของนวัตกรรม มีการใช้ / ประยุกต์ใช้เฉพาะหน่วยงาน
สรุปผลการดำเนินการ
Copyright ©2019, พัฒนาโดย หน่วยเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษาและวิจัย งานเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ All Rights Reserved.