วันนี้ได้มีโอกาสอันดี(เหมือนทุกปี) ที่ได้ไปเป็นตัวแทนคณะแพทยศาสตร์ พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ เนื่องในวันพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ซึ่งตรงกับวันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปี ณ พระตำหนักดาราภิรมย์ แต่ก็หวั่นๆ กับการเดินทาง เพราะมีงานพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยราชภัฎเขตภาคเหนือ แต่รถก็ไม่ติดอย่างที่คิดไว้

พระตำหนักดาราภิรมย์ อยู่ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นพระตำหนักที่มีความสวยงาม และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด พระตำหนักแห่งนี้สร้างขึ้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ทรงย้ายกลับมาประทับที่เชียงใหม่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต

ปีนี้โชคดีมากที่อากาศไม่หนาวเย็นเหมือนปีที่แล้ว ยังจำได้ปีที่แล้วใส่เสื้อกั๊กด้านใน ส่วนด้านนอกใส่เสื้อเมืองสีชมพู (ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ฺท่านปรากฎว่ายิ่งสายยิ่งหนาว แดดออกน้อย ลมก็แรง แต่ละคนที่มาร่วมงานต่างตัวสั่นงันงก แต่ปีนี้อุณหภูมิประมาณ 15-16 องศา แต่มีลมค่อนข้างน้อยทำให้บรรยากาศอบอุ่น ประกอบกับเดินเข้ามามีการวัดไข้และแจกแมสสีชมพูอ่อน เมื่อใส่แมสแล้วก็เข้ากับเสื้อสีชมพูพอดิบพอดี

ในปีนี้มีหน่วยงานองค์กรต่างๆ ได้เข้ามาถวายพวงมาลา 66 หน่วยงาน เมื่อไปถึงงานก็ผ่านการตรวจไข้ แจกแมส ล้างมือ แล้วก็ต้องไปลงทะเบียน เพื่อรับลำดับคิว ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ ได้ลำดับที่ 28 ในระหว่างนั้นก็มีพิธีกรรมทางศาสนาควบคู่ไปกับการวางพวงมาลาด้วย

มีความรู้สึกว่าปีนี้ พวงมาลายังเยอะเหมือนเดิม แต่คนร่วมงานไม่เยอะเหมือนทุกๆ ปี อาจจะเดาว่าเป็นเพราะโควิด-19 เป็นแน่แท้ ระหว่างรอการเข้าแถว ได้เข้าไปถ่ายภาพดอกกุหลาบบริเวณแปลงกุหลาบด้านข้างพระตำหนัก ด้วยฝีมือบวกกับคุณสมบัติของมือถือเก่าๆ ที่ผ่อนหมดแล้ว หน้าจอแตกลายงา เหมือนขาอ่อนผู้เขียน แต่ภาพออกมาสวยมาก โดยเฉพาะกุหลาบตอนเช้าทีมีหยาดน้ำติดกับกลีบกุหลาบสะท้อนแสงกับแสงอาทิตย์ ทำให้ต้องคิดในใจดัง ๆ ว่า “เฮัย นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่่ได้มายลธรรมชาติเยียงนี้ มัวแต่ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้”

เมื่อวางพวงมาลาเสร็จแล้ว มีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง บริเวณงานจะมีกาดหมั้ว มีทั้งของกิน เช่น ห่อนึ่ง ยำหนัง เมี้ยงคำ ฯลนฯ ของใช้ และเสื้อผ้าประเภทผ้าทอ ผ้าสำเร็จรูป แต่เป้าหมายของผู้เขียนก็คือ การวิ่งปนเดินไปยังบริเวณเต็นท์ขายผ้า ที่มีการขายเสื้อกันหนาวสำหรับสุนัข แม่ค้าถามว่า “น้ำหนักเท่าไหร่” พันธุ์ไหนคะ?” อันนี้ตอบไม่ได้ครับ แต่บอกว่า “ผมวัดตัวหมามาแล้ว ยาวประมาณ 29 นิ้ว” แม่ค้าตอบว่า “อั้นตั๋วนี้เลยเจ้า ขนาด XL” ผมถามว่าราคาตัวล่ะเท่าไหร่? (เต้าฮือ?) แม่ค้าบอกว่า “ตั๋วละ 120 เจ้า” ผมถามว่า “ลด(หลุด)ได้เต้าฮือครับ?” แม่ค้าคิดแปปแล้วบอกว่า “2 ตั๋ว สองร้อยซาวเจ้า” ไม่มีเวลาล่ะ ต่อมากไม่ได้ ก็เลยได้เสื้อกำปั่นมา 2 ตัว พร้อมอวยพรให้แม่ค้าว่า “หมานๆๆๆๆๆ” แม่ค้าหัวเราะชอบใจ

ข้าง ๆ ที่แม่ค้าขายเสื้อผ้า ไปยืนดูแม่ค้าอีกเจ้าหนึ่งกำลังตัดแกงกระด้าง(แก๋งก้าม) ในถาดสี่เหลี่ยม มีชายวัยแก่นิดหนอย ถามแม่ค้าว่า “เอาไปกินต่างจังหวัดได้ไหม?” (ถามภาษาไทย) แม่ค้าตอบว่า “บ่ได้เจ้า เพราะมันจะไน่” แสดงว่า แม่ค้ารายนี้ทำแกงกระด้างไม่ได้ใส่ผงวุ้น ผมถามว่า “ไปจังหวัดไหนครับ?” ชายผู้นั้นตอบว่า “พิษณุโลก” ผมเลยแซวแม่ค้าว่า “แก๋งกระด้างบ่ได้ยะพาสปอร์ต เลยออกจากจังหวัดเจียงใหม่บ่ได้” แต่สีสันต์น่ารับประทานมากทีเดียว

หากมีเวลาว่างอย่าลืมไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ เชียงใหม่ เวลาทำการ : วันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00– 17.00 น. (ปิดวันจันทร์) แล้วท่านจะรักและปลาบปลื้มในพระอัจฉริยภาพของพระราชชายาดารารัศมี

เขียนโดย สีไท

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ https://w2.med.cmu.ac.th/suandok-variety/