ถวายเทียนพรรษา

ตามที่ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้เป็นประธานฝ่ายกิจกรรมพิเศษของชมรมหัวหน้าฝ่าย หัวหน้างานคณะแพทยศาตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (งานเฉพาะกิจกรรมพิเศษ  หากเป็นกิจกรรมปกติธรรมดาจะไม่รับ)   ซึ่งทุก  ๆ ปีจะต้องมีการงานไปถวายเทียน 5 วัดตามวัดต่าง ๆ ก่อนเข้าพรรษา ซึ่งก็เคยไปที่ลำปาง ลำพูน  ละพื้นที่ใกล้เคียง แบบเช้าไปเย็นกลับ  ปีนี้เนื่องจากมีสถานการณ์การระบาดของโควิด 19  ทำให้เกิดการละล้าละลัง ว่าจะได้ไปถวายเทียนหรือไม่ ซึ่งก็ต้องรอการปลดล๊อคจากทางรัฐบาลและทางมหาวิทยาลัย

สถานการณ์เริ่มดีขึ้น จึงได้ปรึกษาหารือไปยังประธานชมรมดร.หรรษา เทียนทอง ว่าสมควรจะไปถวายเทียนตามประเพณี โดยยึดหลักของการควบคุมและป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด  เว้นระยะห่างจากสังคม  ทำให้ปีนี้ต้องจัดรถอย่างน้อย 2 คัน   โดยการไปสำรวจเส้นทางของหัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ (พี่อุ้ม) ที่มีความรู้ความชำนาญป็นอย่างมากในการติดต่อกับวัดวาอาราม  ว่าปีนี้จะไปเส้นทางอำเภอสันทราย  จำนวน  5  วัด   และที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องหาแหล่งรับประทานอาหารกลางวันที่เหมาะสม สำหรับพุทธมามะกะ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงได้เริ่มดำเนินการ

โดยขอความอนุเคราะห์จากหัวหน้างานซ่อมบำรุง (คุณวิวัฒน์) ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ (เทียบกับซี 10) ด้านการหล่อเทียน จำนวน 5  เล่ม  เทียนแต่ละเล่มสวยมาก ไม่มีฟองอากาศ  ไม่มีตำหนิ  จุดปุ๊บ ติดปั๊บ   และได้หัวหน้างานบริหารทั่วไป(คุณอ้อ) ในการจัดเตรียมอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างครบครัน  ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าแบบ social distancing (ข้าวห่อ)  ฝ่ายเภสัชกรรม เตรียมทิชชู่แห้ง ทิชชู่เปียก ถุงขยะ(รับผิดชอบต่อสังคม) หัวหน้างาน OPD-ER (คุณอ้อย) เตรียมเจลล้างมือ  แมส และกระเป๋าฐมพยาบาล  หัวหน้างานธนาคารเลือด(คุณเป็ด) และหัวหน้างานสูติฯ (คุณเปรี้ยว) มัคทายกฝ่ายทรัพย์สิน (เก็บเงินทำบุญ)   ผ่าน QR code และ cash  back (เงินสด) โดยมีเลขานานุการคณะฯ (คุณปุ๊)ติดต่อน้องเจฟ จากงานประชาสัมพันธ์ และมีน้องธีจากงาน IT ร่วมมาเป็นช่างภาพ  และที่ดีใจที่สุดก็คือ มีผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รศ.นพ.ชัยวัฒน์ บำรุงกิจ) และอาจารย์กบ  ได้เป็นผู้นำในการถวายเทียนครั้งนี้

รถออกจากคณะ 07.30 น.  ในขณะที่ฝนตก ซิซิ ตลอดทาง ระหว่างนั้นใครหิวก็สามารถ Self  breakfast ตามอัธยาศัย มีข้าวเหนียว  หมูหวาน กุนเชียงทอด หมูทอด และน้ำพริกตาแดง  และน้ำเปล่า หลังทานเสร็จ หัวหน้างานฯศัลย์(คุณมล) บอกกับผู้เขียนว่า “พี่พร้อมจะทำบุญแล้ว” เดินทางไปทางถนนเชียงใหม่-แม่โจ้ เลี้ยวซ้ายไปยังวัดทุ่งป่าเก็ด  ต.หนองหาร อ.สันทราย  เป็นวันเล็ก ๆ สวยงามมาก  มีวิหารที่เล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้า ในขณะที่ถวายเทียนเสร็จพระให้ศีลให้พระ ยถาวริวหา….. น้ำในมือก็ถูกกรวดลงภาชนะรองรับ ด้านนอก ฝนก็ตกลงมา เหมือนฟ้ากรวดน้ำด้วยกัน  ทำให้บรรยากาศดีมากที่สุด แผ่ส่วนกุศลให้กับบิดา มารดา ครูบาอาจารย์  ญาติ ๆ เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ สัมภเวสี เทวบุตรเทวดา แม่ธรณี เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี เดินออกมาด้านหน้าวิหารเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่พอสมควร  มีการให้อาหารปลาท่ามกลางสายฝน  บ้างก็บอกว่าระวังเป็นหวัดนะ  ทำให้คิดถึงเพลงของคุณเต๋อ เรวัติ …..ชื่อเพลง  “เจ้าสาวที่กลัวฝน”  ..อย่ากลัวฝนเพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ …..

นั่งรถไปวัดที่สอง ชื่อ “วัดศิริมงคลบุญญาราม” ต.หนองหาร วัดนี้กำลังสร้างพระวิหาร แต่ยังไม่เสร็จ  องค์พระประธานสวยงามมาก  ตัดกับภาพด้านหลังเป็นแบบปูนเปลือย( หมายถึง เปลือหมด เพราะยังทำไม่เสร็จ)  ทางวัดก็จัดเก้าอี้ให้นั่งห่างแบบ social distancing  มีแอลกอฮอล์ให้ล้างมือด้วย   แสดงว่า ระบบสาธารณสุขไทยก้าวไกลไปมาก  พระท่านบอกว่า “ในช่วงโควิด ต่างคนต่างกลัว คนก็ไม่ค่อยเข้ามาทำบุญที่วัด พระเองก็กลัวเหมือนกัน”  พระท่านบอกว่า “หากทำอะไรแล้วมีสติ ก็จะทำให้งานนั้นประสบผลสำเร็จ”   ลาจากวัดนี้ด้วยความอิ่มเอิบกับพรที่ท่านให้และภาพถ่ายที่สวยงามมาก

พากันไปวัดที่สาม  เป็นวัดค่อนข้างใหญ่ ติดถนนใหญ่ ชื่อ “วัดเจดีย์แม่ครัว”  ได้นมัสการท่านเจ้าอาวาส  เป็นวัดที่พัฒนาได้ดีมาก ๆ สะอาดสะอ้าน มีการจัดเก้าอี้ให้นั่งแบบเว้นระยะห่าง ได้ฟังท่านเทศน์แล้วรู้สึกว่า “จิตของมนุษย์” นั้นสำคัญมาก และท่านก็เทศน์ว่า การป่วยของมนุษย์เรามาจากสาเหตุหลาย  ๆ  อย่าง เช่น  อาหาร  อากาศ  การปฏิบัติตัว และสุดท้ายที่น่ากลัวก็คือ “กรรม”  ซึ่งใคร ๆ ก็หนีเรื่องกรรมไปไม่พ้น  น้ำเสียง ท่าทางของเจ้าอาวาสท่านสุขุม มาก  อ้อ ท่านได้บอกว่า “ช่วงโควิดก็ลำบาก เพราะคนมาทำบุญค่อนข้างน้อย แต่วัดก็ได้มีที่สำหรับปลูกผักไว้ ทำให้ไม่ลำบาก และเป็นแหล่งช่วยเหลือชุมชนด้วย” ทำให้ได้ข้อคิดว่า “ตนแลเป็นที่พึ่งของตน” นั้นดีที่สุด

ออกจากวัดที่ 3 มา ตอนแรกคิดว่าจะแวะรับกาแฟระหว่างทาง ด้วยอาการ Hypocafeineemia  ระดับกาแฟในเลือดต่ำ แต่ด้วยอีกวัดหนึ่งต้องขึ้นเขาไปและใช้เวลาในการเดินทาง  จึงต้องเดินทางไปวัดพระธาตุจอมกิติ  ต. แม่แฝก  ซึ่งอยู่บนดอย  วัดนี้หากมองเห็นระยะไกลจะมองเห็นองค์พระสีขาว บนดอยตัดกับสีเขียวตันไม้  สวยงามาก ๆ  เมื่อขึ้นไปถึงแล้วต้องเดินขึ้นบันไดอีก 50 เมตร บรรยากาศบนวัดสวยมาก  มีทั้งหมอกฝน สลับกับสายฝน  ทำให้การมาวัดนี้เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์เป็นอย่างยิ่ง  พระท่านให้นั่งสมาธิ ประมาณ 5 นาที ซึ่งไม่มีแบบแผนในการนั่ง ให้นั่งแบบสบาย ๆ หากรู้สึกทำไม่ได้ ก็ให้กำหนดลมหายใจก็เพียงพอแล้ว   เดินลงมาได้ถ่ายรูปพระองค์พระประธานใหญ่ด้านนอกสีขาว  สายฝนโปรยในขณะที่ดอกลีลาวดีกำลังเบ่งบาน  ใบหน้าแต่ละคนอิ่มเอิบอย่างบอกไม่ถูก

ออกจากวัดมาประมาณเที่ยงนิด ๆ ตอนนี้บุญได้มา 80 % (วัดละ 20 %) แล้ว แต่ก็ต้องบำรุงร่างกาย  โดยการทานอาหารกลางวันที่ร้านบ้านส้มตำ ซึ่งได้ทำการจองไว้ล่วงหน้าแล้ว  อาหารแต่ละอย่างรสชาติดีมาก โดยเฉพาะลาบปลาคั่ว ซึ่งมีเครื่องเคียงเป็นผักนานนาชาติ  ได้แก่ ใบเล็บครุฑ  แตงกาว  หอมด่วน ฯลฯ และผักอีกหลายอย่างที่จำชื่อไม่ได้  มีการสั่งกุ้งฝอยทอด ตอนแรกคิดว่าจะมาเป็นแบบแพ ที่เราเคยซื้อตามกาดนัด  แต่ปรากฏว่า มาเป็นตัวๆ  น่าทานมาก แจ้งให้ทีมทราบว่า กุ้งเขาก็ต้องทำ social  distancing เช่นเดียวกัน  เวลาที่มีความสุขก็คือเวลาทานอาหาร แต่อาหารจะไม่อร่อยเลยหากคนที่นั่งตรงหน้าและคนนั่งข้างเราเป็นใคร (ไม่รู้)  แต่สำหรับอาหารมื้อนี้ อร่อยมากๆ  หากว่าง ๆ ต้องกลับไปทานร้านนี้อีกแน่นอนครับอาหารอร่อย ราคาย่อมเยา  และเจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก

วัดสุดท้ายที่ไป คือวัดหนองมะจับ  เป็นวัดเล็ก ๆ แต่การบริหารจัดการดีมาก  สะอาดสะอ้าน ตอนแรกคิดว่าพระท่านจะมาเพียงรูปเดียว แต่ท่านมาให้ศีลให้พร  4 รูป โดยมี น้องแมว ชื่อ “จ๋อมแจ๋ม” มาให้การต้อนรับและนอนหลับรอระหว่างทำพิธี  หลังเสร็จพิธี ฝนหยุดตก ฟ้าใสเป็นฟ้า ถ่ายรูปออกมาสวยมาก  

ร่ำลากราบพระออกมา ตอนแรกคิดว่าจะแวะตลาดนัดข้างวัด แต่ด้วยเวลาผ่านไปจนเย็น  แสงแดดเริ่มทำงาน  ทำให้ต้องเดินทางกลับคณะอย่างสวัสดิภาพ ขอผลบุญกุศลจากการถวายเทียน 5 วัดครั้งนี้ ได้ดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านและครอบครัว ญาติมิตรสหาย บุคคลที่ท่านรักและเคารพ สุขกาย  สบายใจ เดินทางไปไหนปลอดภัย ทุกเส้นทางครับ

ผู้เขียน สีไท

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ https://w2.med.cmu.ac.th/suandok-variety/