ไปอินเดีย ตอนที่ 2 เมืองคยา

วันนี้เริ่มลุยตัวเมืองทั้งสองด้าน ด้านแรกขาดไม่ได้คือฝั่งวัดมหาโพธิ ผมย้ายไปพักที่โรงแรมย่านการค้าใกล้วัดมหาโพธิ เป็นโรงแรมเล็กๆ ชื่อ Tathagat Hotel แต่ดูดีที่สุดในย่านนี้ คนไทยพักเยอะและใกล้วัดมหาโพธิ ด้านหน้าปากซอยเป็นที่ขายของฝากสารพัด ในซอยเป็นที่พักอาศัย ร้านค้าต่างๆ มีร้านอาหารภูฏาน อาหารอินเดีย และอาหารยุโรป และมีกองขยะกับหมูป่าด้วย หลังจากฝากกระเป๋าที่โรงแรม เริ่มลุยด้านวัดพระศรีมหาโพธิก่อน สิ่งแรกที่จะทำก็ต้องไปทานอาหารอินเดีย ผมตาม tripadvisor ไปร้าน Nirvara The Veg Cage ของโรงแรม Maya Heritage ถามคนที่นี่ เขาบอกว่าเป็นร้านหรูของเมือง ความจริงโรงแรมนี้อยู่ซอยข้างๆกับวัดไทยพุทธคยา

อาหารที่ขึ้นชื่อที่นี่ก็เป็นนานหลายๆแบบ ทั้งกาลิคนาน (Garlic) แบบใส่กระเทียม และนานเปล่าๆ เอากินกับแกง เข้ากันดี ออกหวานๆ ไม่ได้เผ็ดอย่างสีที่เห็น ที่ร้านอาหารก็มีข้าวให้ทาน แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว นานอร่อยกว่า หลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินกลับโรงแรม ผ่านถนน Domuham Bodhgaya เป็นถนนที่จากวัดไทยพุทธคยาไปวัดมหาโพธิ สองข้างทางเป็นของขาย แต่จะมีมากทางซีกทิศใต้ของถนน เป็นของที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการถวายวัด แต่ก็มีของกิน และของฝากสลับไป ย่านที่มีของฝากมากที่สุดคือชุมชนหน้าวัดมหาโพธิ ที่เป็นแหล่งรวมของกินของใช้เมืองอินเดีย ซื้อของที่นี่ต้องต่อ อย่างน้อยก็ 25 % ได้ไม่ได้เป็นอีกเรื่อง

แต่ที่คนอินเดียรุมมากที่สุดจะเป็น Gol Gappe อาหารนี้มีชื่อเรียกต่างๆกัน สำหรับในรัฐพิหารเรียกว่า Phuchka หรือ Gol Gappe แต่มีชื่ออื่น เช่น Panipuri, Gol Gappe, Paani ke Bataashe และ Gup Chup แล้วแต่เมือง ถึงว่า ถามคนอินเดียตอบไม่เหมือนกันซักที Gol Gappe มีลักษณะเป็นก้อนๆ คนขายเอาชุบน้ำ และยัดไส้เข้าไปด้วยมือเปล่าๆ คนอินเดียก็กินกันเป็นปรกติ แถมมีการเพิ่มก้อนแป้งทอดที่ว่าอีก บริเวณหน้าวัดมหาโพธิจะมีข้าวของขายเยอะมาก จานชาม ของใช้ ที่สะดุดตาก็พวกของอินเดีย เขาใช้บูชา บ้างก็เป็นปิ่นโตสำหรับใส่ของกิน บริเวณสามแยกมีร้านขายของฝากจากอินเดียอยู่หลายร้าน ราคาถูกมาก มีแบรนด์ Himalaya ทั้งเครื่องสำอางหลากหลาย ยา เครื่องเขียน  เสื้อผ้า ผ้าพันคอ ผลไม้ บางคนบอกว่าไม่รู้จะช้อปอะไร ไปแล้วถึงจะรู้ บางคนมีรายการซื้อของจากเมืองไทยกันเลย และอาจถึงต้องซื้อกระเป๋าออกลูกกันเลยทีเดียว (ก็ซื้อกันแถวๆถนนที่จะไปวัดไทยพุทธคยานั่นแหล่ะ) กระเป๋าเดินทางตอนขากลับเมืองไทยมีน้ำหนักเกินก็เป็นกันได้ และที่ขาดไม่ได้คือชาอินเดีย ต้องบอกว่าราคาถูกมาก เย็นวันนั้นได้พบกับรถแห่ของอินเดีย จอดอยู่หน้าร้านอาหาร คงไปแห่ที่ไหนสักแห่ง สังเกตเห็นลำโพงแบบแตรอินเดียชัดเจน

วันต่อมา เช่ารถพร้อมไกด์ ให้พาไปเที่ยวในตัวเมืองคยา แต่ไปทางลัด เจอบ้านคนอินเดียที่เป็นเกษตรกร เห็นเขาเก็บมูลวัวไว้เป็นเชื้อเพลิงโดยเฉพาะหน้าหนาว ที่หนาวมาก คนอินเดียนิยมนั่งรถตุ๊กๆ เรียกว่า รถออโต้ริกชอร์ หรือ ตุ๊กๆอินเดีย มีเห็นได้ทั่วไป

ในตัวเมืองคยาค่อนข้างพลุกพล่านสำหรับคนไทย แต่คงปกติสำหรับคนท้องถิ่น ตลาดกว้างมาก แบ่งเป็นย่านต่างๆ ชัดเจน บางส่วนขายเฉพาะปลา บางส่วนขายขนม แต่ไม่กล้าลงไปเดิน ที่นี่วัวเป็นใหญ่เดินไปทั่ว

มือเที่ยงฝากท้องไว้กับร้านปราโมท เป็นร้านขายขนมที่ดูดีมาก ขนมมีหลายชนิดหวานๆ ทั้งนั้น มื้อเที่ยงลองทานแป้งทอดกินกับแกง อร่อยมาก เขาเรียกว่า ปูริ (Puri) แป้งทอดคงขึ้นชื่อของที่นี่ เขาเอาเตาไว้หน้าร้านเลย

ตอนบ่ายไปแม่น้ำเนรัญชรา ในแผนที่เขียนชื่อว่า แม่น้ำ Falgu น้ำแห้งมาก เขาว่ากันว่า หน้าหนาวกับหน้าแล้งจะแห้ง ไม่มีน้ำเลย แต่หน้าฝนน้ำเยอะ จากนั้นได้แวะไปวัดนานาชาติ มีแทบทุกชาติของเอเชีย วัดไทยมีหลายวัด ที่คนไปมากก็เป็นวัดญี่ปุ่น เรียกว่า ไดโจเคียว ที่มีพระองค์ใหญ่ สูง 80 ฟุต มีชื่อว่า หลวงพ่อโตไดบุสซึ สร้างจากหินทรายแดง จากเมืองทูนาของอินเดีย อีกที่คือวัดภูฏาน นอกจากนี้ก็มีวัดศรีลังกา เวียดนาม ลาว เขมร ทิเบต ด้านนอกวัดคนอินเดียเอาของฝากและอาหารมาขาย บางคนก็เอาอูฐและรถม้ามารับนักท่องเที่ยว

สุดท้ายที่ไปของวันนี้คือ Bodhagaya Main Market บรรยากาศแบบอินเดีย อยูติดกำแพงวัดมหาโพธิ ผมตื่นตากับของอินเดียที่เอามาขาย เทียบได้กับตลาดวโรรสของเชียงใหม่เลย เป็นบรรยากาศอินเดียโดยแท้ วันรุ่งขึ้นก็ได้กำหนดกลับไทย แต่ไม่เป็นไร ทำวีซ่าแบบ 5 ปี ต้องกลับไปอินเดียอีกสักครั้ง ไม่ใช่ซิ ต้องหลายครั้ง ผมเริ่มติดใจกับความพลุกพล่านซะแล้ว

เอกสารอ้างอิง

https://th.wikipedia.org/wiki

http://newdelhi.thaiembassy.org/th

http://www.mariajourneys.com/review-bodh-gaya-and-varanasi/

https://www.westernunion.com/blog/best-indian-street-food/

https://www.facebook.com/dhammaduta935/posts/1030324310370974/

เขียนโดย นายนกฮูก

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ https://w2.med.cmu.ac.th/suandok-variety/