ป่าบงเปียง

มีโอกาส(อีกล่ะ) ได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่แบบ วิวหลักล้านจ่ายหลักร้อย คือ หมู่บ้านที่ทำนาขั้นบันได ซึ่งจะสวยที่สุดในฤดูปลูกข้าว แต่จะไม่สวยในหน้าแล้ง เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเหลือง น้ำตาล น่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ “บ้านป่าบงเปียง” ซึ่งวิธีการเดินทางมี 2 ประเภท คือจะขับรถยนต์ไปเอง หรือว่า นั่งรถสองแถวไป แล้วแต่สะดวก ว่าจะเดินทางไปแบบไหน ส่วนตัวผู้เขียนเดินทางโดยรถส่วนตัว(ตัวใครตัวมัน) ขึ้นรถปุ๊บ ก็เม๊าท์มอยกันเรื่องโน่น นี่ นั่น ออกเดินทางจากอำเภอเมือง ผ่านไปยังอำเภอหางดง หรือใครจะไปทางถนนคลองชลประทาน ไปถึงทางแยกไปอำเภอแม่วาง และเลี้ยวซ้ายกลับเข้ามาทางอำเภอสันป่าตอง เข้าสู่อำเภอดอยหล่อ มุ่งสู่อำเภอจอมทอง โดยมาทางดอยอินทนนท์ ถนนลดเลี้ยวเล็กน้อย ผ่านด่าน (บอกด่านว่าจะไปแม่แจ่ม ก็ไม่ต้องชำระค่าขึ้นดอยอินท์) ขับไปอีก 12 กิโลเมตร จะพบป้ายน้ำตกแม่ปาน เลี้ยวขวาลงไปตามป้ายนั้น ขับเลยที่ทำการน้ำตกไปตามทางลูกรังอีกราว 2 กิโลเมตร ก็จอดรถไว้ลานจอดรถ(จอดตามอัธยาศัย) ล๊อครถ เข้าห้องแล้ว แล้วก็รอรถจากโฮมสเตย์มารับ ซึ่งหากเดินทางในฤดูฝนนั้นต้องเป็นรถ 4 วีล หรือกระบะ เพราะหนทางค่อนข้างขรุขระ แต่ไม่ลาดชัน และผู้ที่มีปัญหาไส้เลื่อนหรือกำลังท้องกำลังไส้ ไม่แนะนำให้เดินทางมาเส้นทางนี้ อออเพราะแค่ผู้เขียนแข็งแรงปานนี้ ลำไส้ใหญ่ยังพันลำไส้เล็ก ตอนนั่งหลังรถกระบะ ก็แบ่งพื้นที่ในการนั่งดีกันอยู่ พอถนนหนทางเริ่มขรุขระ แกว่งไปมา ที่ว่างด้านหน้ารถกระบะจะเหลือ เพราะแต่ละคนจะมานั่งซ้อนกันอยู่พื้นที่ด้านหลังติดท้ายรถ เป็นที่สนุกสนาน อ้อ เส้นทางที่เดินทางด้วยรถกระบะ ใช้ระยะทางอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็ถึงจุดหมาย

 

​หากท่านใดไม่มีรถไปเองก็สามารถขึ้นรถประจำทาง โดยขึ้นรถสองแถวสีเหลืองข้างวัดพระธาตุศรีจอมทอง แล้วบอกคนขับรถว่าจะลงที่…. เพื่อให้เจ้าของโฮมสเตย์นำรถมารับ ก็ไม่ยากสำหรับการเดินทางเลย ​

สำหรับของที่จะไปร่วมทางนอกจากเสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับการถ่ายภาพ แต่งตัว ก็ควรจะพายาสามัญประจำบ้านไปด้วย ของใช้ส่วนตัว หรือบางคนต้องการทานของขบเคี้ยวก็นำไปให้พร้อม กาแฟสำเร็จรูป อ้อ บอกไปครับว่า สำหรับโฮมสเตย์ที่ไปพัก หัวละ 500 บาท จะหัวเล็กหัวใหญ่ ก็คิดราคาเดียวกันนะครับ ราคานี้รวมถึงอาหารเย็น อาหารเช้า น้ำดื่ม และที่พัก 1 คืน

ซึ่งไปพักบ้าน 1 หลัง มีเครื่องนอน แก้วน้ำ น้ำดื่ม และจานชามเพียงพอ สำหรับอาหารเย็น เจ้าของโฮมสเตย์จะบริการให้ท่าน แต่หากท่านอยากทานอาหารที่แปลก แหวกแนว เช่น ทะเลปิ้ง ทะเลเผา ก็นำไปได้เช่นกัน นำอาหารสดใส่กล่องโฟมไป หรือพวกหมูกระทะ อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ อ้อ หากต้องการถ่านทำหมูกระทะ ก็แจ้งเจ้าของได้แต่จะมีคิดค่าถ่านต่างหากนิดหน่อยหรือพูดดี ๆ ก็จะแถมถ่านสำหรับหมูกะทะให้ ​

เมื่อเดินทางไปถึงปุ๊บ ความเมื่อยล้าจากลำไส้ใหญ่พันลำไส้เล็กจะหายไป เหลือแต่ความสดชื่น รื่นรมย์ในชีวิต ลงจากรถกระบะ ก็พากันหอบหิ้วของเดินไปตามคันนา จุดนี้ต้องเดินดี ๆ นะครับ หากรองเท้าส้นสูงหรือลื่นๆ มีสิทธิ์ไปนอนกอดกับพระแม่โพสพได้ เมฆเทา ๆ ลอยมาทักทาย ร่วมกับสายฝนโปรยปราย และฝูงนกบินว่อนกลางฟากฟ้า มองไปในเห็นปูนาเดินขาเก ปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายฉิว ๆ ในน้ำใส โอ๊ย สุขใจ ​

เดินไปถึงบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านทำด้วยไม้แบบธรรมดานี่แหละครับ วางของปุ๊บมองผ่านออกไปเรือนชาน ก็พบตัวต้นข้าวเขียวขจี ดั่งภาพใหญ่ฝาผนังโลก ตอนนี่แต่ละคนไม่สนใจใครแล้ว จัดชุดเต็ม ไปถ่ายรูปกับนาขั้นบันได ไม่ว่าจะเป็นแบบเซลฟี่ ถ่ายหมู่ ถ่ายเดี่ยว ถ่ายกับต้นข้าว ฟ้า และน้ำ ถ่ายจนหนำใจแล้ว โดยบางคนก็เตรียมชุดของชนเผ่ามาสวมใส่ ร่วมกับพร๊อพแบบตะกร้าสะพายหลัง ทำท่าขี่จักรยานบ้าง รถมอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ บ้าง แล้วแต่จะจินตนาการว่ารูปออกมานั้นดูดีที่สุด ​

บางคนเกรงจะหนาวก็จะอาบน้ำแต่หัววัน น้ำที่นี่เป็นน้ำกระด้างนิดหน่อย ฉะนั้นมีข้อแนะนำก็คือไม่ควรใช้ครีมอาบน้ำครับ เพราะจะล้างออกยากนิดหน่อย และน้ำที่นี่จะเย็นมากๆๆๆๆๆ เหมือนน้ำแช่น้ำแข้งประมาณนี้ ท่านต้องกลั้นใจราดน้ำขันแรก ราดแข้ง ราดขา ล้างหน้า ขันต่อ ๆ มาท่านจะคุ้นชิน อาบน้ำเสร็จ มานั่งทานของว่าง จุ๊บๆ จิ๊บ ๆ เขี่ยเฟส เขี่ยไลน์ ลงเฟส เช็คอิน เลือกรูปที่ดีทีสุด บ้างก็หาหนังสือไปอ่าน จนได้เวลาทานอาหารเย็น ก็จะมีเจ้าของโฮมสเตย์นำอาหารมาส่ง อาหารที่นำส่งมาก็เป็นอาหารง่าย ๆ ทานได้สบาย ๆ เช่น น้ำพริก ไข่เจียว ข้าวสวย แกงผัก ทอดหมู ประมาณนี้นะครับ ส่วนอาหารเสริมก็ต้องก็ช่วยกันทำโน่นทำนี่ โอ๊ย สนุกสนานท่ามกลางความมืดมิดที่เริ่มปกคลุม สำหรับไฟ ท่านควรเตรียมไฟฉาย หรือ เทียน หรือหลอดไฟอัตโนมัติไปด้วย เพราะทางเจ้าของจะให้เทียนและหลอดไฟส่องสว่าง ซึ่งจะส่องได้เพียง 4 ทุ่ม แบตเตอรี่ก็หมดแล้ว พอดีเตรียมเทียนไปเยอะ จัดการจุดตามขั้นบันได เหมือนมีความสว่างในรัตติกาล หุย บรรยากาศฟินเวอร์ เสียงลมพัดผ่านต้นข้าวดัง ซู่ ซู่ (แม้ไม่ได้ไปทะเล ก็ซู่ ซู่ ได้) ด้านนอกบ้านมืดหมด ได้ยินเสียงฝนกระทบหลังคา เป็นบรรยากาศที่ยากจะลืมเลือน สำหรับท่านที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ต ท่านสามารถใช้เน็ตจากมือถือท่านได้ แต่จะดูหนัง ฟังเพลง อาจจะกระตุกเล็กน้อย ​สำหรับท่านที่ตื่นเช้า ยิ่งได้กำไร หมอกน้อยลอยอ้อยอิ่ง เสียงนกบินมาทักทาย ผู้เขียนจะตื่นเช้าเพราะว่า ได้เวลาจะต้องจัดการชีวิต เรียบร้อยแล้วก็มาจิบกาแฟกาลาโต้ อาหารเช้าที่ทางโฮมสเตย์จัดให้ ก็เป็นอาหารแบบสบาย ๆ ทานได้ เน้น ไข่และผัก เป็นหลัก อาจจะอยู่ถึง 10 โมง แล้วนัดเวลาให้รถกลับมาส่งที่ลานจอดรถเช่นเดิม “บ้านป่าบงเปียง” ไม่ไปไม่รู้ว่าธรรมชาติเยียวยาชีวิตมนุษย์ได้อย่างไร ไปไปไปไป….เที่ยวกันเถอะ อ้อ กลับมาก็นั่งหลังรถกระบะเช่นเดิม ลำไส้เล็กที่มา พันลำไส้ใหญ่ตอนขามา ก็มาคลายเกลียวกันตอนนั่งรถกลับนี่เอง