พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.2566 เป็นต้นไป
โดยสาระสำคัญสามารถสรุปแบบรวบรัดได้ว่า
“ผู้เสียหายจากการถูกโกงหรือหลอกลวงผ่านทางออนไลน์ สามารถแจ้งให้ทางธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่ดำเนินการอายัดบัญชีปลายทางได้ภายใน 72 ชั่วโมงและให้แจ้งความไปยังสถานีตำรวจได้ทุกแห่งเพื่อตรวจสอบและติดต่อต่อไปตลอด 24 ชั่วโมง”
โดยสามารถทำการแจ้งความออนไลน์ได้ที่ https://thaipoliceonline.com/
สาระสำคัญของ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 (ใช้บังคับ 17 มี.ค.2566)
เนื้อหาสามารถแบ่งเป็นข้อได้ดังต่อไปนี้
1. เหตุผลที่ออกในรูป พ.ร.ก.
เพราะเป็นกรณีฉุกเฉิน/มีความจำเป็นรีบด่วน เพื่อคุ้มครองประชาชนผู้สุจริต ซึ่งถูกหลอกลวงเอาทรัพย์สินผ่านทางโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก
2. กรณีสถาบันการเงินฯ พบเหตุอันควรสงสัยว่า บัญชีเงินฝากของลูกค้าอาจถูกใช้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือการฟอกเงินให้สถาบันการเงินนั้นมีหน้าที่ระงับการทำธุรกรรม และแจ้งสถาบันการเงินอื่นที่รับโอนถัดไปทราบทุกทอด เพื่อระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็น
การชั่วคราวไม่เกิน 7 วันเพื่อตรวจสอบความถูกต้องแท้จริง พร้อมกับแจ้งให้ตำรวจทราบ
3. เมื่อผู้เสียหายแจ้งให้สถาบันการเงินฯทราบว่า ถูกคนร้ายหลอกเอาทรัพย์สิน ทางโทรศัพท์ ให้สถาบันการเงินนั้นระงับการทำธุรกรรมไว้ชั่วคราว และแจ้งให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อ พงส.ภายใน 72 ชม. และหากภายใน 7 วัน พงส.ไม่มีคำสั่งให้ระงับการทำธุรกรรมนั้นต่อไป ก็ให้สถาบันการเงินยกเลิกการระงับทำธุรกรรมนั้น
4. การแจ้งของผู้เสียหายตามข้อ 3 แจ้งทางโทรศัพท์ก็ได้โดยให้ผู้รับแจ้งบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมส่งสำเนาให้ผู้แจ้งเก็บไว้เป็นหลักฐาน
5. การร้องทุกข์ตามข้อ 4 จะกระทำต่อ พงส. สถานีตำรวจใดก็ได้ทั่วราชอาณาจักร หรือจะร้องทุกข์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็ได้
6. ผู้ใดยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเองหรือกิจการที่ตนเองเกี่ยวข้อง หรือยอมให้บุคคลอื่นนำโทรศัพท์มือถือของตนไปใช้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดอาญาใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สามารถคลิกที่นี่เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.thaipbs.or.th/news/content/325650
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140A018N0000000000100.pdf
ทั้งนี้เป็นการประชาสัมพันธ์เรื่องมาตรการป้องกันภัยจากไซเบอร์ให้ทราบ